จากบนเวทีเสวนา เรื่อง “มองเทรนด์เทคโนโลยีโลก มองอนาคตอุตสาหกรรมไทย” ในงาน METALEX 2023 ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจไว้มากมายเกี่ยวกับเทรนด์เทคโนโลยีโลก และแนวโน้มการพัฒนา อุตสาหกรรมไทยในอนาคต โดย Speaker ผู้ทรงคุณวุฒิบนเวที 3 ท่าน มาในวันนี้เราขอนำเสนอประเด็นต่อเนื่องที่ได้มีการนำมากล่าวถึง พร้อมข้อแนะนำและโซลูชั่นดีๆ เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจของไทยสามารถเข้าถึงและปรับใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์เพื่อก้าวสู่ Industry 4.0 ได้อย่างทันท่วงที
![](https://tkk.co.th/wp-content/uploads/2024/03/S__126427247_0-1024x759.webp)
ดร.บุณณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงการขายธุรกิจของ ปตท. เพื่อรองรับ เทรนด์ อุตสาหกรรมไทยในอนาคต ว่า
“ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานของไทย ในวันนี้ เราใช้วิสัยทัศน์ใหม่ คือ “Powering Life with Future Energy and Beyond” หรือ ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต คือ เรายังคงมุ่งมมั่นเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานแต่มุ่งเน้นในเรื่องของ “พลังงานสีเขียว” แทน และพลังงานที่ทำก็เพื่อใช้อุปกรณ์ทันสมัยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้พลังงานให้กับคนไทย ขณะเดียวกัน เราก็ไม่ได้ทำแค่ธุรกิจพลังงาน แต่ ปตท. ไปทำนอกเหนือจากธุรกิจพลังงาน โดยไปตอบโจทย์สังคมสูงวัย ด้วยการทำ Life Science หรือ ชีววิทยาศาสตร์ เช่น ยา อุปกรณ์การแพทย์ อาหารและโภชนาการ นอกจากนั้น เรายังศึกษาค้นคว้าต่อเนื่องในเรื่องของโลจิสติกส์ โดยพูดถึง Advance Material ที่มาใช้กับงาน AI หรืออุตสาหกรรมสมัยใหม่ได้ เพราะงาน Material ยุคนี้ต้องเบาลง ขึ้นรูปได้สวยงาม”
![](https://tkk.co.th/wp-content/uploads/2024/03/automation-industry-robotic-1-1024x567.jpg)
“นอกจากนั้น เรายังตั้งใจทำในเรื่อง AI Robotic เพื่อตอบสนอง Industry 4.0 และต้องยอมรับว่า ในหลายเรื่อง ปตท. ในฐานะธุรกิจพลังงาน เราก็ยังไม่มีความรู้ในหลายเรื่องที่กล่าวมา ทำให้เราใช้วิธีหาพาร์ทเนอร์ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ทั้งที่เป็นองค์กร ธุรกิจ รายเล็ก รายกลาง รายใหญ่ ไปจนถึงสถาบันการศึกษา”
“และเรายังส่งเสริมพนักงานในองค์กร ที่อาจเป็นวิศวกรอยู่ แต่อยากทำธุรกิจใหม่ เราก็ให้โอกาสพวกเขาที่จะ spin ออกไปเป็นบริษัทเป็นสตาร์ทอัพที่ไปทำงานกับทีมอื่น นี่เป็นแนวทางที่ทาง ปตท. เตรียมปรับตัว ตั้งแต่เปลี่ยนวิสัยทัศน์บริษัท พัฒนากำลังคน และการวางแผนเลือกเทคโนโลยี ว่าเราจะจับเอาเทคโนโลยีไหนมาต่อยอดเป็นธุรกิจบ้าง โดยเราไม่ได้คิดว่าเทคโนโลยีหรือธุรกิจนั้นเป็นสิ่งที่ทาง ปตท. ไม่มี Core competency เพราะเรามีพันธมิตรธุรกิจมากมายที่มาเสริมความแข็งแกร่งให้เราได้ ซึ่ง บริษัททีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ก็เป็นหนึ่งในบริษัทพันธมิตรที่มีความเข้มแข้งในเรื่องของการนำเสนอโซลูชั่นอัจฉริยะ อย่าง AI Robotic และระบบออโตเมชั่น ให้กับภาคอุตสาหกรรมไทยมาอย่างยาวนาน”
![](https://tkk.co.th/wp-content/uploads/2024/03/S__126427240_0.webp)
ด้าน กัลยาณี คงสมจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้กล่าวถึงไลน์ธุรกิจ ที่ทาง ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์เทคโนโลยีและการดำเนินภารกิจการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างครบถ้วนว่า
“ทาง ทีเคเค คอร์เปอเรชั่น ก็มีวิสัยทัศน์ใหม่ ที่ยกระดับมาจากวิสัยทัศน์เดิมที่ว่า เราเป็น “Leading E-factory Automation Equipment” เนื่องจากเราเติบโตมาจากธุรกิจการเป็น Trader ที่เป็นตัวแทนขายระบบอัตโนมัติ อะไหล่ Spare part ของเครื่องจักร ในตอนนี้ เราเปลี่ยนวิสัยทัศน์มาเป็น “Your Partner in Tech-driven Solution” เพราะเรามองว่า ทีเคเค อยู่ใน Tech Industry และ อยู่ใน Manufacturing ที่เป็น Tech แล้ว และเรายังวิเคราะห์ว่า ทีเคเค เอง ก็เป็นหนึ่งในอีโคซิสเตมของ Tech company ในประเทศไทย”
“นอกเหนือจากการพัฒนาธุรกิจด้านเทคโนโลยีแล้ว ที่ผ่านมา ทาง ทีเคเค ให้ความสำคัญกับการผลิตและพัฒนาคนให้มีทักษะทางเทคโนโลยีที่พร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อย่างการสร้างเสริมและพัฒนาทักษะ coding โดยใช้ซอฟแวร์ที่เป็น AI ซึ่งปีที่ผ่านมา เป็นปีแรกหลังวิกฤตโควิด ที่เรากลับมาจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ Innovedex อีกครั้งหนึ่ง ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ โดยมีนักเรียนจากชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายมาเข้าร่วมจากทั่วประเทศ เกือบ 300 คน ซึ่งสิ่งที่เราเห็นจากการเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้คือ เยาวชนทั่วประเทศต้องการเวทีและ “โอกาส” ที่เขาจะมาได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะจำเป็นด้านเทคโนโลยี โดยในส่วนนี้เองที่องค์กรธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ควรที่จะมีบทบาทในการหยิบยื่นโอกาสนี้ให้กับเยาวชนของชาติที่เขาจะเติบโตไปเป็นบุคลากรคุณภาพต่อไป”
![](https://tkk.co.th/wp-content/uploads/2024/03/cira-core-world-class-intelligent-platform-1024x538.jpg)
“ขณะที่ ทางทีเคเคก็ได้ร่วมมือกับทางนักวิจัยของ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. ในการพัฒนาโปรแกรม AI ที่คิดค้นโดยคนไทย นั่นคือ CIRA Core ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก สกว. และได้รับการพัฒนาให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะ AI สัญชาติไทย ทำโดยคนไทย โดยทางทีเคเคมองว่า เราในฐานะองค์กรธุรกิจด้านเทคโนโลยี ถ้าได้มีโอกาสร่วมสนับสนุนงานวิจัยของภาคการศึกษาไทย ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะไม่สร้างผลตอบแทนทางธุรกิจมากมาย แต่เราได้เห็นพัฒนาการความเติบโตของแพลตฟอร์มนี้อย่างต่อเนื่องจากการไม่หยุดพัฒนา ไม่หยุดทำ ของทีมงาน และในวันนี้ก็ได้นำไปใช้จริงในภาคอุตสาหกรรมที่ทำในฝั่งของ QC เป็นระบบ Vision system ที่ทำให้กับโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ๆ หลายแห่ง”
“มาในวันนี้ นอกเหนือจากเทคโนโลยีที่ผสมผสานกันแล้ว แต่ละองค์กร ต้องผสมผสาน หรือร่วมมือกันด้วย เพื่อให้องค์ความรู้ต่างๆ นี้อยู่ในประเทศของเรา และสามารถถ่ายทอดให้กับคนรุ่นหลังได้ โดยเทคโนโลยีและองค์ความรู้นี้จะนำไปใช้ที่ไหนก็ได้ แต่ขอให้ได้รับการนำไปใช้ประโยชน์กับธุรกิจในทุกขนาด ทุกระดับ ขอกลับมาที่ CIRA Core อีกครั้ง ต้องบอกว่าในวันนี้เราภาคภูมิใจมากกับผลิตภัณฑ์นี้ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทางทีเคเคกับทาง สจล. มีความตั้งใจริเริ่มจาก Non-commercialize คือไม่ได้แสวงหาผลกำไร เพราะที่ผ่านมาเราให้ license เอไอนี้กับสถาบันการศึกษาฟรี และยังจัดทีมวิศวกร เจ้าหน้าที่ของเราไปให้สอนการใช้ให้”
![](https://tkk.co.th/wp-content/uploads/2024/03/S__126427246_0.webp)
ด้าน ฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล depa ได้กล่าวถึงภารกิจของ depa ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่เข้าไปส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมไทยในทุกมิติว่า
“ตอนนี้เราพยายามสร้าง Use case เอไอ ให้ทุกฝ่ายสามารถเข้าถึงได้มากอย่างล่าสุดเราได้ลงพื้นที่ไปในชุมชน เพื่อนำโดรนไปให้ทางชุมชนได้ใช้ ในขั้นแรกเราได้ให้โดรนไปใน 500 ชุมชน ซึ่งเราวางรูปแบบเป็น co-funding ทางชุมชนต้องมี Business Model มา และมีชาวชุมชนรวมตัวกันมาและตั้งศูนย์ซ่อมโดรนในชุมชนด้วย และเราไปทำการเรียนการสอนให้ เมื่อเรียนจบหลักสูตร ก็จะมีการให้ certify ด้วย เหตุผลที่เราเข้าไปทำโครงการนี้กับภาคการเกษตรไทย เพราะ ต้องยอมรับว่าข้อมูลลภาคการเกษตรยังไม่ได้มีการบริหารจัดการที่ดีพอ และโครงการนี้จะเริ่มเข้าไปจัดเก็บ บริหารจัดการข้อมูลเข้ามาเก็นใน Data Cloud Center ของประเทศไทย”
“ทั้งนี้ในตอนนี้ ภาครัฐไม่ได้ทำโครงการที่มีลักษณะแบบเดิม คือการ มอบเงินให้ไป แล้วก็จบ แต่หน่วยงานอย่าง depa เราจะเขาไปเป็นเหมือนผู้ร่วมลงทุน depa เรียกได้ว่าเป้นหน่วยงานภาครัฐที่เข้าไปถือหุ้นในสตาร์ทอัพมากที่สุดก็ว่าได้ และเราทำงานในรูปแบบขององค์กรเอกชน ที่ต้องการขับเคลื่อนทุกภารกิจไปให้ได้ด้วยความรวดเร็ว”
![](https://tkk.co.th/wp-content/uploads/2024/03/thai-agriculture-drone-technology-1024x538.jpg)
“อย่างนอกจากโครงการโดรนแล้ว เรายังลงไปทำในเรื่องของ Weather forecast ที่จะไปวิเคราะห์พื้นที่ต่อหนึ่งตารางกิโลเมตรเลยว่าสภาพอากาศตรงแปลงเพาะปลูกนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งเมื่อเราได้ข้อมูลเหล่านี้มามากพอ เราก็จะสามารถสร้างเอไอที่มีความแม่นยำมากขึ้นในการทำเรื่องของ Precision Funding ได้”
“ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม เราเคยทำในเรื่องของ Industry Platform อยู่ เพราะต้องยอมรับว่า ภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจของไทย ยังไม่ได้พัฒนามาสู่ industry 4.0 กันทั้งหมด อย่างภาคธุรกิจ บริการ อาจจะอยู่แค่ 2.0-3.0 ยิ่งในภาคอุตสาหกรรมจึงยังมีช่องว่างอยู่มากที่เรายังต้องไปเติมเต็ม ดังนั้น การสร้าง Industry platform เพื่อเชื่อมและทำงานร่วมไปกับแพลตฟอร์มใหญ่ก็เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ depa ให้ความสำคัญ”
“ต่อมาในเรื่องของโลจิสติกส์ก็เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะคอร์สในเรื่องของการทำโลจิสติกส์ในประเทศยังสูงอยู่ ตอนนี้เลยทมีการคุยกับสตาร์ทอัพ ให้เริ่มเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อมาวางแผนการ Sharing ทำ Consortium ขึ้นมา เพื่อจะทำให้เราลดต้นทุนบางอย่างของประเทศลงมาให้จับต้องได้มากขึ้น”
ข่าวจาก salika.co